Tuesday, July 15, 2025
No Result
View All Result
KOTCHAWAN'S
  • Home
  • About Me
  • My Work
    • News Special Report
    • News Live Report
    • News Documentary Program
  • My Blog
  • My Gallery
  • Home
  • About Me
  • My Work
    • News Special Report
    • News Live Report
    • News Documentary Program
  • My Blog
  • My Gallery
No Result
View All Result
KOTCHAWAN'S
No Result
View All Result
Home My Diary

กักตัวไดอารี่: บินจากอังกฤษกลับไทยช่วงโควิดต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?

by Kotchawan
5 years ago
2 min read
0 0
0
quarantine-diary-02-3

 95,212 total views

บันทึกที่ 2 ในช่วงกักตัว…

สืบเนื่องจากตอนที่แล้ว ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้การบินกลับไทยต้องมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ตอนนี้เลยจะมาเล่าถึงการเตรียมเอกสารกลับไทยกันต่อ

หลังจากได้อีเมลยืนยันการสำรองที่นั่งของเที่ยวบินพิเศษจากสถานทูตมาแล้ว (ได้รับอีเมลวันที่ 31 กรกฎาคม 2563) ในอีเมลจะมีรายละเอียดบอกว่าขั้นตอนต่อไปเราต้องทำอะไร ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง

เอกสารที่ว่านี้แบ่งเป็น 2 ส่วน…

ส่วนแรกคือเอกสารยินยอมและรับทราบการกักตัว 14 วัน และส่วนที่สองคือเอกสารประกอบการเดินทางที่เราต้องเตรียมให้พร้อมในวันบิน ได้แก่ พาสปอร์ตตัวจริง, ใบ Fit to Fly, หนังสือรับรองการเดินทางจากสถานทูต, และใบ ตม.8

อีเมลจากสถานทูต ชี้แจงรายละเอียดเอกสารสำหรับการเดินทางกลับไทย

ถามว่าในวันที่ได้รับอีเมลเราสามารถเตรียมเอกสารรอเลยได้มั้ย? คำตอบคือ ได้! แต่เตรียมได้แค่อย่างเดียวคือพาสปอร์ต เพราะเอกสารอื่นๆ ต้องรออีเมลจากสถานทูตส่งมาอีกที

รับบทเป็นคนรอเก่งอีกแล้วจ้า…

ตัดภาพไป 6 วันต่อมา (วันที่ 6 สิงหาคม 2563) ประมาณบ่ายสามที่อังกฤษ มีอีเมลส่งมาจากสถานทูต พร้อมไฟล์แนบเอกสาร 2 อย่าง คือใบ ตม.8 และหนังสือยินยอมกักตัว สิ่งที่ต้องทำหลังจากนั้นคือเซ็นหนังสือยินยอมกักตัวแบบ e-signature ส่งอีเมลกลับไปให้สถานทูตให้เร็วที่สุด (ต้องส่งภายในวันที่ 7 สิงหาคม)

รายละเอียดอื่นในอีเมลคือการย้ำให้เราตรวจสอบวันหมดอายุของพาสปอร์ต เพราะถ้าใครมีปัญหาพาสปอร์ตหมดอายุก่อนวันเดินทางจะต้องติดต่อขอเอกสาร CI หรือ Certificate of Identity เพิ่มอีก เพื่อเป็นหนังสือสำคัญประจำตัวแทนหนังสือเดินทาง และต้องไปเซ็นชื่อพร้อมรับเอกสารที่สถานทูตเองก่อนวันบินด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยาก การตรวจสอบเรื่องวันหมดอายุของพาสปอร์ตจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

ในส่วนของใบ ตม.8 เป็นเอกสารที่ให้เรากรอกข้อมูลเบื้องต้นของตัวเอง รวมถึงวิธีการเดินทางเข้าไทย หมายเลขเที่ยวบิน ที่สำคัญมีส่วนที่ให้เราระบุประเทศที่อาศัยอยู่ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และอาการต่างๆ เกี่ยวกับร่างกายที่เกิดขึ้นในสองสัปดาห์เช่นกัน เช่น เป็นไข้, อาเจียน, ปวดหัว,ปวดท้อง ฯลฯ คิดว่าน่าจะเป็นการตรวจสอบข้อมูลของเราเบื้องต้นว่ามีโอกาสติดโรคหรือไม่

ข้อต่อมาที่สถานทูตย้ำคือการเตรียมเอกสารใบ Fit to Fly ก่อนหน้านี้เราไม่เคยสนใจมาก่อนว่ามันเอาไว้ทำอะไร แต่ก็ตามชื่อนั่นแหละ มันคือใบตรวจสุขภาพ เหมือนใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่าเราพร้อมที่บิน ฟิตพอที่จะฟลายจริงๆ

ความเศร้าคืออะไรรู้มั้ย… เมื่อเดือนที่แล้ว (เดือนกรกฎาคม) สถานทูตยังออกใบนี้ให้กับคนไทยที่เดินทางกลับกับเที่ยวบินพิเศษฟรี! มีคุณหมอตรวจให้ที่สถานทูตและรับเอกสารได้เลย แต่พอเข้าเดือนสิงหาคม กลายเป็นว่าเราต้องติดต่อหา GP (General Practitioner/แพทย์ทั่วไป) ขอเอกสารเอง และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง สถานทูตเพียงแค่แนบลิ้งคลินิกหลายที่มาให้เลือก

หลังจากได้อีเมลรอบนี้ เราก็รีบเซ็นเอกสารยินยอมกักตัวส่งกลับให้สถานทูต จากนั้นก็มาหา GP สำหรับตรวจสุขภาพ ลองเช็คราคาแบบไปตรวจที่คลินิกคือรวมค่าตรวจค่าเอกสารแล้วเป็นร้อยปอนด์ โอ้โห…ใบรับรองแพทย์ใบเดียวสี่พันกว่าบาท ไปร้องไห้ที่ไหนได้บ้าง

แต่สรุปก็ต้องยอมเสียแหละ เราเลือกเป็นแบบตรวจออนไลน์กับเว็บไซต์หนึ่งไป ในราคา 95 ปอนด์ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วในตอนนั้น วิธีการจองคือเข้าไปดูตารางที่หมอเปิดรับนัดในเว็บไซต์ กดจองเวลาที่ยังมีคิวว่าง รอรับอีเมลยืนยันจากคลินิก และในอีเมลนั้นจะมีลิ้งสำหรับเข้าไปวิดีโอคอลกับคุณหมอตามเวลานัด เราเลือกเป็นคิววันที่ 15 สิงหาคม ตอน 14.15 น. เพราะเงื่อนไขของ fit to fly คือต้องตรวจมาก่อนบินไม่เกิน 72 ชั่วโมง เลยเลือกตรวจมันวันก่อนบินซะเลย

คิวนัดหมอเพื่อขอใบ Fit to Fly

อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือตั๋วเครื่องบิน เนื่องจากเป็นเที่ยวบินพิเศษ พอเราลงทะเบียนไปแล้วสายการบินจะติดต่อเรื่องการจ่ายค่าตั๋วผ่านทางอีเมลของเราโดยตรง ตั๋วของรอบเดือนสิงหาคมที่เรากลับ Economy Class อยู่ที่ราคา 687 ปอนด์ น้ำหนักได้คนละ 30 กก.

สายการบินส่งรายละเอียดค่าตั๋วมาให้เราในวันที่ 10 สิงหาคม และระบุให้เราโอนเงินค่าตั๋วตามเลขบัญชีที่ให้ไว้ในอีเมลภายในวันที่ 12 สิงหาคม มีเวลา 2 วันถ้วนในการแลกตังค์ เอาเงินเข้าธนาคารที่อังกฤษ และโอนไปที่บัญชีสายการบินอีกที รู้สึกว่าทุกอย่างต้องทำอย่างรวดเร็วและมีสติมาก พอจัดการเรียบร้อยก็ต้องส่งหลักฐานการโอนกลับไปที่สายการบิน วันเดียวกันนี้แหละที่เราได้เอกสารรับรองจากสถานทูตพอดี และได้ e-ticket จากสายการบินในสองวันถัดมา ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เหลือแค่รอเวลานัดหมอเป็นอย่างสุดท้าย

วันที่ 15 สิงหาคม ตั้งนาฬิกาไว้เวลา 14.10 น. ก่อนเวลาหมอนัด 5 นาที แอบตื่นเต้นเล็กๆ เพราะไม่รู้ว่าขั้นตอนการตรวจจะเป็นยังไง ไม่เคยตรวจออนไลน์ วัดไข้ก็ไม่ได้ด้วย ได้เวลายกคอมมาตั้งเข้าลิ้งที่คลินิกส่งมา แล้วระบบจะเชื่อมอัตโนมัติไปยังลิ้งวิดีโอ นับถอยหลังรอคุณหมอมา…

ได้เวลานัด คุณหมอออกมาจ๊ะเอ๋ผ่านวิดีโอพร้อมพื้นหลังเหมือนนั่งอยู่ในบ้าน เอ้อ…คุณหมอชิลดีแหละ เริ่มบทสนทนาด้วยการโชว์พาสปอร์ต ตรวจสอบชื่อ แล้วคุณหมอก็ร่ายคำถามยาวมาเลย ตามลิสต์ที่แกมีอยู่นั่นแหละ เราอ่ะหรอ มีหน้าที่แค่ตอบ yes หรือ no ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ ประกอบ คำถามก็เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป มีโรคประจำตัวมั้ย แพ้ยาหรือเปล่า ช่วงนี้มีอาการอะไรผิดปกติมั้ย สูบบุหรี่มั้ย คนในครอบครัวมีใครมีโรคร้ายแรงหรือเปล่า คุณหมอแวะมาถามเรื่องเรียนนิดนึง พร้อมแสดงความยินดีที่เรียนจบแล้วและจะได้กลับบ้าน

คุยเสร็จเรียบร้อยคุณหมอส่งใบรับรองให้ทางอีเมลทันที ตรวจเช็คความถูกต้องก็เป็นอันเสร็จ เงิน 95 ปอนด์ หายไปในเวลาไม่ถึง 5 นาที โดยที่คุณหมอไม่ต้องเจอเราแบบตัวเป็นๆ เลยด้วยซ้ำ

พอได้ใบ Fit to Fly มา เอกสารทุกอย่างก็ครบ ขั้นสุดท้ายเหลือแค่ปริ๊นออกมา รอเอาไปยื่นในวันเดินทาง

ที่จริงการเตรียมเอกสารไม่ได้ยุ่งยากอะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแต่เราต้องพร้อมแสตนด์บายเช็คอีเมล มีเงินติดบัญชีธนาคารสำหรับจ่ายค่านู่นนี่นั่นไว้ตลอดเวลา และที่สำคัญมีสติ!!! เช็คทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะถ้ากรอกอะไรผิดพลาดแทบไม่มีเวลาให้แก้ไขเลย อย่างที่เล่าไปแหละกว่าเอกสารจะครบจริงๆ ก็คือวันสุดท้ายก่อนเดินทาง…

ต้องบอกเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่เล่ามาทั้งหมดคือข้อมูลการเตรียมเอกสารของเราเอง ในการเดินทางไฟล์ทวันที่ 16 สิงหาคม 2563 จากสนามบินฮีทโทรว์ (London Heathrow Airport) กลับมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ คิดว่าไฟล์ทก่อนหน้านี้ หรือไฟล์ทหลังจากนี้อาจจะมีรายละเอียดอื่นๆ ที่แตกต่างกันไปบ้างตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ไฟล์ทจากประเทศอื่นๆ ก็คงจะต่างกันด้วย

สำหรับตอนหน้า… ได้เวลาออกเดินทางกลับไทยกันแล้ว

เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังต่อว่าไฟล์ทนี้แตกต่างจากการเดินทางกลับไทยโดยปกติยังไง

Tags: #covid19#quarantine#กักตัว
ShareTweetShare
Previous Post

กักตัวไดอารี่: อยู่อังกฤษช่วงโควิดแล้วจองตั๋วกลับไทยมาได้ยังไงนะ?

Kotchawan

Kotchawan

'Kotchawan’ is an ordinary girl who loves traveling, reading, writing, photographing, singing, and cooking. I am passionate about learning new things, especially new languages. I spend most of my time to read a nice book and watch inspiring movies and series.

Related Posts

Sheffield-22
My Diary

กักตัวไดอารี่: อยู่อังกฤษช่วงโควิดแล้วจองตั๋วกลับไทยมาได้ยังไงนะ?

5 years ago
give-away-01
My Diary

บันทึกฉบับติ่งๆ: ทำความรู้จักกับ Give Away

6 years ago
แหล่งข่าว-1
My Diary

บันทึกของฉัน: แหล่งข่าวแห่งปี

8 years ago

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

No Result
View All Result

Categories

  • Inside Story (5)
  • My Diary (4)
  • Today's Story (7)
  • Travel Diary (4)

POPULAR

Sheffield-22
My Diary

กักตัวไดอารี่: อยู่อังกฤษช่วงโควิดแล้วจองตั๋วกลับไทยมาได้ยังไงนะ?

August 26, 2020
quarantine-diary-02-3
My Diary

กักตัวไดอารี่: บินจากอังกฤษกลับไทยช่วงโควิดต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?

August 31, 2020
ข้าวต้มมัด-01
Today's Story

เรื่องเล่าของวันนี้: ระหว่างทางก้าว 03

August 19, 2020
pm2.5-2
Inside Story

PM 2.5 ภัยเล็กๆ ใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

August 19, 2020
Get In Touch
Email: kotchawan.pk@gmail.com

© 2020 KOTCHAWAN'S - All rights reserved

No Result
View All Result
  • Home
  • About Me
  • My Work
    • News Special Report
    • News Live Report
    • News Documentary Program
  • My Blog
  • My Gallery

Login to your account below

Forgotten Password?

Fill the forms bellow to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In