1,660 total views
วันนี้ตื่นตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ เพื่อเตรียมไปออกหมายตอนหกโมงเช้า จุดหมายที่เราจะไปทำข่าวในวันนี้คือ ‘ชุมชนป้อมมหากาฬ’
เรากับทีมไปถึงป้อมตอนประมาณเกือบเจ็ดโมง พอลงจากรถก็เริ่มเดินสำรวจไล่ไปตามประตูทางเข้าป้อม
แค่เดินไปที่ประตูแรกเราสังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนใส่เสื้อคลุมสีแดงเลือดหมู 3 คนยืนอยู่บริเวณนั้น ดูลักษณะแล้วไม่ใช่คนในชุมชนแน่นอน และเราก็ร้องอ๋อทันทีที่เห็นว่าด้านหลังเสื้อของพวกเขาเขียนว่า ‘สำนักการโยธา กทม.’
เราเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนึง เขาบอกว่าสำนักการโยธา เป็นหน่วยงานหลักที่จะนำกำลังเข้ามารื้อถอนบ้านในชุมชนป้อมมหากาฬวันนี้ และตามแผนจะเริ่มเข้ารื้อในเวลา 9.30 น.
เราเดินต่อไปตามประตูทางเข้าป้อมประตูอื่น พบว่าทางเข้าหลักที่ตรอกพระยา เพชรปาณี มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ด้านในตรอก พร้อมถือป้ายไม่สนับสนุนการรื้อถอนของกทม.
ไม่ใช่แค่นั้นยังมีชาวบ้านที่ยืนใช้เหล็กกั้นจราจรมากันไม่ให้คนภายนอกเข้าไปในชุมชน และทางทิศใต้ของป้อมยังพบชาวอีกกลุ่มที่นั่งขวางทางเข้าจุดนี้อยู่เหมือนกัน
เร็วกว่าเวลาที่คาดไว้…เจ้าหน้าที่จากหน่วยต่างๆ แบ่งกำลังเป็น 5 ชุด เข้าไปรื้อถอนตั้งแต่เวลา 9.10 น. โดยเริ่มจากการรื้อรั้วสังกะสีที่ใช้กั้นเขตชุมชนฝั่งทางเข้าติดป้อมประตูแรกสุดก่อน ในจุดนั้นมีชาวบ้านนั่งรวมกลุ่มขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อยู่เช่นเดียวกัน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ยอมถอย เดินหน้ารื้อรั้วและถอนรากต้นไม้โดยรอบที่จะกีดขวางการเข้าทำงาน
ช่วงนี้เองที่เริ่มเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มเจ้าหน้าที่และคนในชุมชน เพื่อเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น สุดท้ายทั้ง 2 ฝ่ายจึงต้องยอมถอยคนละก้าว เจ้าหน้าที่หยุดรื้อถอน ชาวบ้านหยุดกีดขวาง และส่งตัวแทนมาพูดคุยเจรจากัน ได้ข้อสรุปว่าจะรื้อถอนเพียงบ้าน 12 หลัง ที่เจ้าของยินยอมเท่านั้น ส่วนบ้านโบราณจะยังคงอนุรักษ์ไว้เช่นเดิม
ระหว่างการเจรจาเราได้รับรู้ถึงความต้องการของทุกฝ่าย …กทม.ต้องการรื้อถอนตามกฎหมาย …กรรมการสิทธิมนุษยชนต้องการให้ประชาชนได้ใช้สิทธิในการอยู่อาศัย …ส่วนชาวบ้านในชุมชน แน่นอนว่าพวกเขาต้องการมีที่อยู่อาศัย ไม่อยากให้ใครมาทำลายบ้านของตัวเอง การเตรียมตั้งคณะทำงานเพื่อหารือแก้ปัญหานี้อีกครั้งจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ตอนบ่ายเราเข้าไปคุยกับรองประธานชุมชน เขาตั้งใจว่าหลังจากนี้จะยื่นหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นประธานตั้งคณะทำงานหารือแก้ไขปัญหา โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาคประชาชน องค์กรอิสระ สื่อ ทหาร หาข้อสรุปร่วมกัน
ความหวังเดียวของเขาขณะนี้คือ ต้องการอนุรักษ์ชุมชน ร่วมไปกับการสร้างสวนสาธารณะ เพราะชาวบ้านที่เหลือไม่มีใครอยากเห็นบ้านที่ตัวเองอยู่มานานหลายปีต้องถูกทำลายไปกับตา พร้อมกับคุณค่าทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่ชาวบ้านทุกคนร่วมกันอนุรักษ์ไว้ที่จะต้องสูญหายไปด้วย
ช่วงเวลาทั้งวันนี้ เรายอมรับว่าเหนื่อยสุดๆ ถ้าต้องให้คะแนนเราคงให้ความเหนื่อยวันนี้ติดลบ แต่สิ่งที่เราได้กลับมาคือประสบการณ์ที่มีคะแนนมาบวกจนความเหนื่อยพวกนั้นมันแทบไม่มีผลอะไร
นี่ทำงานวันนี้แค่วันเดียวต้องคุยกับคนมากกว่า 20 คน ทั้งเจ้าหน้าที่กทม. เทศกิจ ตำรวจ ชาวบ้าน หรือแม้แต่ชาวต่างชาติ แถมยังได้รายงานสดเข้าข่าวเที่ยงกับเย็นรวม 2 รอบ วันนี้ใช้ชีวิตคุ้มจริงๆ…
สุดท้ายละ… ขอบคุณทีมวันนี้ พี่โจ้ พี่ต้นยูริ นุ้ย
และขอบคุณใครก็ตามที่ตั้งใจอ่านเรื่องเล่ายาวๆ ของเราจนถึงบรรทัดสุดท้าย.