1,610 total views
วันที่ 2 ของการเดินทาง…
เริ่มต้นวันด้วยการตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า วันนี้กินข้าวเช้ากันที่โรงแรม เป็นอาหารบุพเฟ่ต์ตามปกติ แต่ยังติดมันและเค็มอยู่บ้างตามสไตล์อาหารจีน
กินข้าวเสร็จเดินจากโรงแรมไปที่เมืองโบราณฟ่งหวงกันอีกรอบ ไปชมบรรยากาศในช่วงเช้ากันบ้าง ตั้งแต่เดินเข้าไปก็เจอความคึกคักของนักท่องเที่ยวชาวจีนจากต่างเมืองที่มาเที่ยวที่นี่กันเยอะมาก ลานอนุสาวรีย์หงส์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ มีคนมารวมตัวกันออกกำลังกาย เต้นแอโรบิก แล้วก็ผู้สูงอายุที่มารำไท่เก๊กเต็มลานไปหมด
ถึงแม้เราจะตื่นกันตั้งแต่เช้า แต่มาถึงที่นี่คนก็มาเที่ยวกันเยอะมากแล้ว ส่วนใหญ่เป็นคนจีน ไม่เหมือนตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลี ที่จะเจอคนไทยด้วยกันเยอะกว่า อาจเพราะอยู่ในฤดูกาลที่ไม่เป็นที่นิยมสำหรับคนไทย หรืออาจจะยังเช้าเกินไป
เมืองโบราณในบรรยากาศตอนเช้า อากาศเย็นสบายอุณหภูมิอยู่ที่ 21 องศา เราเดินเข้าไปจนถึงจุดขึ้นเรือชมหมู่บ้าน เป็นเรือขนาด 10 ที่นั่ง ไกด์ชาวจีนบอกว่าราคาคนละ 184 หยวน เป็นเงินไทยก็ประมาณ 920 บาท ถือว่าราคาสูงเทียบกับระยะทางไม่กี่ร้อยเมตรที่ได้นั่งชมริมฝั่งแม่น้ำถัวเจียง
นอกจากบ้านคน ร้านค้า ที่เห็นชัดเจนริมฝั่งคือที่พักหลายแบบที่สร้างขึ้นสำหรับคนที่ตั้งใจมาชมวิวฟ่งหวงทั้งกลางวันไปจนถึงกลางคืน ที่พักจะตั้งอยู่ติดริมน้ำ ถ้าเปิดระเบียงมาชมวิวตอนกลางคืนคงได้บรรยากาศชิลๆ ไปอีกแบบ ระหว่างนั่งเรือก็เหมือนได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนที่นี่ไปด้วย แม่น้ำแห่งนี้เป็นน้ำที่คนพื้นเมืองใช้ทั้งซักผ้า ล้างผัก
สิ่งที่เห็นขายอยู่เยอะในเมืองโบราณคืออาหารหลากชนิด ทั้งของทอด ลูกอม ขนม ผัก ผลไม้ เลือกหาของกินเล่นกันได้ตามใจชอบ นอกนั้นก็เป็นพวกของฝากที่เป็นของพื้นเมือง ของจุ๊กจิ๊กพวกกระเป๋า กำไล แหวน รองเท้าสาน มงกุฎดอกไม้
นั่งรถกันต่อไปที่อู่หลิงหยวน จุดมุ่งหมายคือกินข้าวเที่ยง ต่อด้วยไปสะพานกระจก จางเจี่ยเจี้ย สะพานนี้สูงจากพื้นดิน 300 เมตร ในแต่ละรอบจำกัดจำนวนคนขึ้นไปชมได้ครั้งละ 800 คน กระจกทั้งหมดมี 99 แผ่น เป็นกระจกนิรภัย หนา 5 เซนติเมตร ออกแบบโดยวิศวกรชาวอิสราเอล ทำให้มั่นใจได้ถึงความแข็งแรง
การต่อคิวเข้าชมสะพานกระจกเป็นช่วงที่พีคที่สุดสำหรับการเที่ยววันนี้ ตอนที่เราไปถึงเป็นช่วงเกือบเย็นแล้ว และก่อนหน้านี้ฝนตกต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วง 11 โมงเช้า แต่พอมาถึงที่นี่แล้วทัวร์จีนยังมารอคิวเที่ยวกันอยู่เยอะมากก การต่อคิวต้องเบียดกันเข้าไป บางคนก็มาแทรกระหว่างแถวบ้าง ให้ดีที่สุดคือเกาะคนข้างหน้าให้แน่น เพราะถ้าหลุดจากกันแล้วก็อาจจะโดนแทรกได้ง่ายๆ
ผ่านเครื่องแสกนเข้าไปต่อคิวข้างในต่ออีก รอกันไปยาวๆ เป็นชั่วโมงได้ กว่าจะได้เข้าไป และได้ใช้เวลาถ่ายรูปบนสะพานกันประมาณ 30-40 นาที เพราะต้องเวียนให้คิวหลังจากเราเข้าต่อเรื่อยๆ
บรรยากาศบนสะพานเป็นยังไง? …อย่างแรก จะเห็นภาพวิวธรรมชาติ วิวภูเขาท่ามกลางเมฆหมอก พร้อมกับอากาศเย็นสบายกำลังดี เพราะฝนเพิ่งหยุดตกไป …อย่างที่สอง หลังต่อสู้กับแคมเปญแย่งกันเข้าคิว ทุกคนจะต้องมาฟาดฟันกันต่อในแคมเปญ ‘ถ่ายรูปยังไงให้ไม่ติดคน’ กับ ‘ถ่ายรูปยังไงให้รู้ว่าอยู่บนสะพานกระจก’ เอ้ออ…ยากตรงนี้แหละ
ออกจากสะพานมาพักกินข้าวเย็นและออกไปดูโชว์กันต่อ เป็นโชว์แนววัฒนธรรมจีนในเมืองนี้ เช่น การเขียนอักษร การซักผ้าและอยู่อาศัยกันริมแม่น้ำ การทอผ้า ความเชื่อเรื่องผีสาง หรือแม้แต่วัฒนธรรมการแต่งงาน ภาพรวมการแสดงถือว่าอยู่ในระดับดีถึงปานกลาง ดูไปก็แอบง่วงไป เพราะการแสดงทั้งหมดใช้ภาษาจีน ถ้าคนที่ไม่เข้าใจภาษาก็ทำใจดูให้สนุกจริงๆ ยากอยู่
ได้เวลากลับที่พักมาพักผ่อน เตรียมขึ้นเขากันต่ออีกพรุ่งนี้
ราตรีสวัสดิ์คืนที่ 2…